เกย์ทะเลปรารถนา

เรื่องสั้น ทะเลปรารถนา

เขียนโดย ด๋ง



         รถสองแถวคันเล็กๆ แล่นมาจอดใกล้ๆท่าเรือแห่งหนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มเรือนร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาจะก้าวลงมาจากหลังรถพร้อมๆกับเป้ที่สะพายไหล่

          ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้นี้มีชื่อว่า นล เขาเป็นนายช่างเครื่องยนต์เรือ ผู้มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง จึงได้รับมอบหมายงานจากบริษัทน้ำมันเพื่อให้มาประจำยังเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งซึ่งกำลังจอดทอดสมออยู่ที่ท่าเรือแห่งนี้

         นล กระชับเป้ที่ไหล่ไว้มั่นก่อนจะเดินตรงไปยังสะพานเดินเรือ ซึ่งที่นั่นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยคอยนั่งประจำเพื่อตรวจตราคนที่ขึ้นลงเรือ นลยื่นเอกสารในมือให้พนักงานรักษาความปลอดภัยผู้นั้นอยู่ครู่ ก่อนที่เขาจะอนุญาติให้นลขึ้นเรือไปได้

          เมื่อเรือบรรทุกน้ำมันลำนั้นแล่นออกจากท่า และมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย ก็ถือได้ว่าอีกช่วงชีวิตหนึ่งของนลได้เริ่มขึ้นบนเรือลำนี้แล้ว ซึ่งมันคงจะต้องดำเนินต่อไปอีกนาน กว่าที่เขาจะได้กลับมาที่นี่อีก

          บนเรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ นลมีหน้าที่ในการดูแลทางด้านเทคนิคของเครื่องยนต์ทั้งหมด ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม จนเป็นที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจของกัปตัน และบรรดาลูกเรือทั้งหลาย

          ด้วยความที่นลเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ดังนั้น เขาจึงเข้ากันได้กับลูกเรือส่วนใหญ่ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีโดยไม่มีใครล่วงรู้ความจริงข้อหนึ่งเลยว่า นลชอบผู้ชายด้วยกัน

          นลต้องอยู่ท่ามกลางผู้ชายแท้ๆ ซึ่งบางคนก็ยังโสด บางคนก็มีลูกเมียแล้ว ถึงแม้เขาจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นๆได้ไม่ยาก เนื่องจากเขาไม่ได้แสดงออกมาให้ใครรู้ว่าเป็นเกย์ แต่ด้วยความที่ไม่มีใครเป็นเหมือนเขา จึงดูราวกับว่าเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในโลกอันเงียบเหงาเพียงผู้เดียว เหลียวมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความแตกต่าง ไม่สามารถไว้วางใจเล่าเรื่องราว หรือปรับทุกข์ต่างๆที่อัดอั้นอันเกิดขึ้นกับตนได้ ไม่มีแม้ใครสักคนที่จะช่วยปลอบโยน หรือตอบสนองจิตใจอันใฝ่หา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเฝ้าปรารถนามาตลอด

          นลยืนอยู่ที่กราบเรือด้านหนึ่ง สายตาทั้งคู่ของเขาทอดมองออกไปไกลในขอบฟ้ากว้าง ที่ซึ่งน้ำกับฟ้านั้นจรดถึงกันเป็นแนวยาว จนดูราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด เขาจ้องมองฝูงนกนางนวลสีขาวบริสุทธิ์ที่บินโฉบไปมาตามฟองคลื่นจากเรืออย่างเริงร่าด้วยจิตใจอันครุ่นคิด มันช่างมีอิสระต่างจากเขาในขณะนี้ ถ้าหากเขามีปีกเหมือนกับมันได้ก็คงจะดียิ่ง จะได้โบยบินไปตามใจปรารถนา เพื่อแสวงหาในสิ่งที่ตนเองต้องการ

          อันที่จริงแล้ว นลไม่ค่อยชอบงานที่ตนเองทำอยู่นี้เท่าใดนัก หากแต่เพราะเขามีความถนัดในเรื่องเครื่องยนต์เรือ และรายได้ก็ไม่เลว เขาจึงจำต้องอดทนทำต่อไปทั้งที่ใจไม่ชอบเลย จริงๆแล้วเขาอยากจะมีร้านขายของเล็กๆสักร้านหนึ่ง ขายอะไรก็ได้ อาจเป็นเสื้อผ้า หรือของกระจุกกระจิกทั่วๆ ซึ่งเขาตั้งใจจะเก็บเงินไว้เป็นทุก เพื่อทำตามที่ตนเองปรารถนานั้นให้ได้สักวันหนึ่ง

          ขณะที่นลกำลังวาดฝันอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เสียงของชายผู้หนึ่งก็ดังออกมาจากวิทยุสื่อสารระยะใกล้ที่เขาถืออยู่ในมือ

          " นายช่างครับ เครื่องยนต์มีปัญหาครับผม "

          " ครับ... ผมกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ "

          กล่าวจบ นลขยับหมวกนิรภัยที่สวมใส่อยู่ให้เข้าที่ก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปข้างใน

- - - - - - - - -

          ภายในห้องเครื่องยนต์อันอึกทึกครึกโครมไปด้วยเสียงจากเครื่องจักรที่กำลังทำงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ที่บรรดาลูกเรือจำนวนหนึ่งกำลังสาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาเครื่องยนต์ที่ขัดข้อง

          นลเดินเข้ามาในห้องแห่งนั้น เขาฟังลูกเรือคนหนึ่งรายงานปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งในไม่ช้าเขาก็เริ่มบัญชาการและร่วมลงมือแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จนเครื่องยนต์ที่ขัดข้องกลับใช้งานได้ดีดังเดิม เขาได้รับคำยกย่องจากบรรดาลูกเรือทั้งหลายว่าเป็นนายช่างมือทองของเรือลำนี้

          ซึ่งหนึ่งในลูกเรือทั้งหมดนั้นก็มี กร เด็กหนุ่มหน้าตาดี วัย 19 ปี ซึ่งอายุน้อยที่สุดในเรือลำนี้ที่ดูจะปลื้มอกปลื้มใจกับฝีมือช่างยนต์ของนลมากเป็นพิเศษ เขามักจะไต่ถามนล เรื่องเครื่องจักรเครื่องยนต์อยู่เสมอๆ ซึ่งนลก็ให้ความเอ็นดูเหมือนน้องชาย และไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปกว่านั้น เพราะเห็นว่ากรยังเด็ก จึงไม่อยากทำให้เขาสับสน หรือเสียอนาคต

          แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งนานวันไป เหตุการณ์ต่างๆรอบข้างก็เริ่มจะเปลี่ยนผัน แรงปรารถนาที่ซุกซ่อนและถูกกักขังอยู่ภายในทำนบแห่งจิตใจมาเป็นเวลานานนั้นร่ำร้องที่จะปลดปล่อยตนเองออกจากปราการที่ปิดกั้น เพื่อแสวงหาทางออกสู่ทะเลอันไพศาลที่เบื้องหน้า

- - - - - - - - -

          กลางดึกของคืนวันหนึ่ง...

          ฝีเท้าอันเชื่องช้า และบางเบา ค่อยๆย่างก้าวมาตามเส้นทางอันคับแคบภายในเรือ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องๆหนึ่ง

          ภายในห้องแห่งนั้น นล ผู้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานได้ปิดหนังสือที่เขาอ่านมาเป็นเวลานานนั้นลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังที่นอน จังหวะนั้นเอง ที่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เขาจึงเดินไปเปิดมัน

          ในทันใด สายตาของนลก็ได้พบกับกร ที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าอันกังวล

          " อ้าว... กร เข้ามาสิ "

          กรเดินเข้ามานั่งบนที่นอนของนลโดยไม่พูดอะไร นลรับรู้ได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของเด็กหนุ่มคนนี้ ปกติกรจะเป็นคนสนุกสนานร่าเริงแจ่มใส และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวต่างๆอยู่เสมอ ต่างจากที่เป็นอยู่ในขณะนี้โดยสิ้นเชิง นลยกเก้าอี้มาตั้งแล้วนั่งลงข้างหน้ากรพลางถาม

          " เป็นอะไรไปน่ะ กร ดูหงอยเหงาไปเลย "

          กรเงยหน้ามองนลด้วยแววตาจริงจังพลางว่า

          " พี่ครับ ถ้าผมเล่าเรื่องหนึ่งให้พี่ฟัง พี่สัญญานะครับว่าจะไม่บอกใคร "

          นลมองกรอย่างครุ่นคิด จึงตอบ

          " มีเรื่องอะไรเหรอ ? "

          " ผมเคยถูกผู้ชายรุมข่มขืนครับพี่ "

          ทันทีที่กรกล่าวจบ นลถึงกับนิ่งอึงและชาไปทั้งตัว เขากลับเป็นฝ่ายพูดอะไรไม่ออกเสียเอง นลตั้งใจฟังเด็กหนุ่มเล่าเรื่องราวของเขาด้วยความครุ่นคิด

          " เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่ผมยังเป็นนักเรียนมัธยม ผมเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน มีเพื่อนฝูงมากพอสมควร ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย แล้วก็เกย์ และด้วยความที่หน้าตาดี เลยมีผู้หญิงกับเกย์มาชอบมาก แต่ก็ไม่เคยมีอะไรกับเกย์เพราะไม่ชอบ ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียน ผมกับเพื่อนๆจะมาเตะฟุตบอลกัน และมักจะไปเที่ยวที่บ้านไอ้ต้น ซึ่งมันมีวีดีโอเกมส์ ผมจะเล่นวีดีโอเกมส์อยู่ที่บ้านของมันจนค่ำจึงกลับบ้าน และในวันนั้น ผมก็ไปบ้านไอ้ต้นเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้ ที่บ้านของมันมีพี่ชายและเพื่อนๆของเขามานั่งกินเหล้ากันอยู่ 6 คน ผมกับไอ้ต้นนั่งเล่นวีดีโอเกมส์อยู่ได้สักพัก พี่ชายไอ้ต้นก็ใช้มันไปซื้อเหล้า ผมเห็นพี่ชายมันกระซิบที่ข้างหูไอ้ต้นแล้วหันมาทางผม ก่อนจะยื่นแบ็งค์ห้าร้อยให้ไอ้ต้นไป เมื่อมันไปแล้ว ผมก็นั่งเล่นเกมส์อยู่คนเดียว ท่ามกลางผู้ชาย 6 คน ที่อายุมากกว่าผมหลายปี พวกเขานั่งกินเหล้ากันไปก็หันมามองผมแล้วก็ยิ้มๆ จนกระทั่งคนหนึ่งเรียกผมไปหาแล้วชวนผมกินเหล้า ผมเองพอกินได้บ้างไม่มากนัก พวกเขาชมว่าผมรูปหล่อ น่ารัก และเริ่มเข้ามานั่งเบียดใกล้ๆ บางคนก็เอามือมาลูบไล้เนื้อตัว และเลยไปถึงเป้ากางเกงของผม ผมพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่ไม่ทันซะแล้ว ผมถูกพวกเขาขึงพืด แล้วรุมทำผมต่างๆ นานา ผมถูกบังคับให้ใช้ปากกับของพวกเขาจนหมดทุกคน และตบท้ายก็ถูกเข้าข้างหลังจนแสบไปหมดเลย ประสบการณ์ในครั้งนั้น ผมจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ "

          กรเล่าจบก็หันมามองนล ซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยสีหน้าอันครุ่นคิด นลรู้สึกสงสารเด็กหนุ่มผู้นี้ ที่ชีวิตต้องถูกความทรงจำอันเลวร้ายนั้นตามมาตอกย้ำจิตใจของเขาอยู่เสมอ แต่กรกลับยิ้ม แล้วหัวเราะออกมาเพียงเบาๆ พลางว่า

          " ดูพี่สิ ฟังผมเล่าเสียจนนิ่งอึ้งไปเลย "

          " พี่เห็นใจกร ที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ "

          " ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ดีเสียอีก ได้เจอของแปลกๆซะบ้าง ชีวิตจะได้มีรสชาติ ทุกวันนี้ผมยังอยากจะเจออย่างนั้นอีกเลย แต่ผมไม่ใช่เกย์หรอกนะครับ เพราะผมก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ ที่ผมเล่าเรื่องของผมให้พี่ฟังก็เพราะเห็นว่าพี่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกลูกเรือคนอื่นๆ พวกนั้นมันก็ดีแต่สนุกสนานเฮฮาไปตามเรื่อง จะปรึกษาหารือหรือเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังคงจะขายหน้ามันเปล่าๆ "

          " ดีแล้วล่ะ ที่กรตัดสินใจเล่าให้พี่ฟัง จะได้สบายใจขึ้น "

          นลกล่าวพลางยิ้ม กรอ้าปากหาวคราหนึ่งจึงว่า

          " ผมง่วงแล้วละครับ สงสัยต้องขอตัวไปนอนก่อน ผมรบกวนเวลาของพี่มาตั้งนานแหนะ "

          " ไม่เป็นไรหรอก พี่ยินดีรับฟังทุกเรื่อง ว่างๆ ก็มานั่งคุยกับพี่อีกนะ "

          " ขอบคุณครับ นายช่าง "

          กรกระเซ้าพลางยิ้ม นลหัวเราะเพียงเบาๆ เขาจ้องมองกรเดินออกจากห้องพักของเขาไปด้วยจิตใจอันครุ่นคิด กรจะรู้สึกอย่างไรนะ ถ้าได้รู้ว่าคนที่เขามาปรับทุกข์ด้วยนั้น เป็นเกย์

- - - - - - - - -

          เรือบรรทุกน้ำมันลำใหญ่แล่นฝ่าคลื่นลมทะเลและพายุที่พัดโหมกระหน่ำหมุนเวียนเปลี่ยนผันกันไปในแต่ละวันจนกระทั่งถึงจุดหมาย มันจอดทอดสมออยู่ใกล้ๆกับเกาะขนาดเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีพันธุ์ไม้นานาชนิดขึ้นปกคลุมอยู่จนหนาทึบ ฟากหนึ่งของเกาะจะเป็นหาดทรายสีขาวสะอาดตาน่าวิ่งเล่นและนอนอาบแดดในยามสายๆ

          เรือบรรทุกน้ำมันทุกลำที่เดินทางมารับน้ำมัน จะต้องจอดรออยู่บริเวณนี้อีกหลายวัน กว่าที่กระบวนการต่างๆจะเสร็จสิ้น ซึ่งก็เป็นโอกาสดีที่บรรดาลูกเรือทั้งหลายจะได้ขึ้นฝั่งไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบนแผ่นดินใหญ่ หรือตามเกาะเล็กเกาะน้อยต่างๆ ที่กระจายกันอยู่จนทั่ว

          บนเรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ก็เช่นกัน บรรดาลูกเรือส่วนมากต่างขึ้นแผ่นดินใหญ่กันไปจนเกือบหมด เหลือเพียงกัปตันและลูกเรือเพียงไม่กี่คน ซึ่งสองคนในนั้นก็คือ นลกับกร ทั้งคู่เลือกที่จะขึ้นไปเดินเล่นบนเกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นแทน

          ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศโดยรอบเกาะอันร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกตา นลและกรเดินกอดคอย่ำหาดทรายสีขาวอันเนียนละเอียดเข้าไปในผืนป่าข้างในด้วยจิตใจอันตื่นเต้น

          พวกเขาลัดเลาะไปตามทางเดินเล็กๆที่เคยมีผู้คนผ่านเข้ามาก่อนหน้าพวกเขาแล้วนั้น มันดูราวกับเป็นดินแดนอันลี้ลับที่น่าพิศวง เสียงนกหลายชนิด***่ร้องขับขานประสานกันเป็นทำนองราวกับบทเพลงจากสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า นลซึ่งเดินตามกรมาได้กล่าวขึ้นว่า

          " อย่าเข้าไปลึกนักนะ กร มันอันตราย "

          " ไม่ลึกหรอกครับพี่ แค่ลำธารข้างหน้านี้เอง ผมชอบมาเดินเล่นทุกครั้งที่มาถึงครับ "

          ในไม่ช้า ชายหนุ่มทั้งสองก็รับรู้ได้ถึงเสียงสายธารอันไหลริน และกลิ่นอายของน้ำอันสดชื่น ความตื่นเต้นทวีทะยานขึ้นตามลำดับเมื่อสายตาของพวกเขาได้พบกับต้นกำเนิดของกลิ่นและสรรพเสียงที่ได้ยินนั้น

          สายน้ำอันเป็นประกายใสเย็นได้ไหลเรื่อยๆลงมาตามแง่งหินน้อยใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืชสีเขียวขนาดเล็กๆ กรอดใจไม่ได้ที่จะย่ำเท้าลงไปลุยน้ำในลำธารนั้นเล่นเหมือนเด็กๆ จนนลต้องร้องทัก

          " ระวังลื่นนะกร "

          " พี่นลลงมาสิครับ น้ำเย็นเจี๊ยบเลย ดูสิ มีปลาตัวเล็กๆด้วยล่ะ "

          ในที่สุด ทั้งสองก็อยู่ในสายน้ำตื้นๆ แค่น่องนั้นด้วยกัน ต่างวักน้ำขึ้นสาดใส่กันเล่นอย่างสนุกสนานราวกับเป็นคู่รัก ซึ่งนลก็ลืมตัวไปเสียเลยว่า กรยังไม่รู้ว่าเขาเป็นเกย์ และเขาก็ยังไม่เข้าใจด้วยว่า ที่กรแสดงทีท่าสนิทสนมกับเขาเช่นนี้นั้น มันหมายความว่าอย่างไร

          ช่วงเวลานั้น นลรู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในความฝัน เขาไม่เคยรู้สึกเปี่ยมล้นในจิตใจอย่างมากมายเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต ราวกับว่าห้วงแห่งความปรารถนาส่วนลึกของเขานั้นบรรลุผลแล้วถึงกึ่งหนึ่ง

          ซึ่งในจิตใจของกรก็เช่นกัน เขารู้สึกว่านลนั้นคือผู้ที่มาให้ความโอบอุ้มและเติมแต่งจิตใจของกรให้ชุ่มชื่นสดใส และด้วยเหตุที่กรเคยผ่านคืนวันอันหมองมัวในวัยเด็ก ดังนั้น เขาจึงเฝ้าปรารถนาหาใครสักคนเพื่อมาปลอบโยน และอุ้มชูใจให้มีกำลังขจัดมลทินอันเลวร้ายออกไปจากความรู้สึกที่ตอกย้ำ

          ท่ามกลางความชุ่มฉ่ำจากสายน้ำ เรือนกายอันกล้าแกร่งแห่งชายหนุ่มทั้งสองนั้นอาบชโลมไปด้วยความเปียกชื้นจนพวกเขาต้องถอดเสื้อที่สวมใส่นั้นออกผึ่งไว้ที่กิ่งไม้

          ชายหนุ่มชวนกันไปนั่งเล่นที่โขดหินใหญ่ริมลำธาร ซึ่งที่นั่น กรก็ทอดสายตามองเรือนร่างของนลด้วยความสนใจ เขาได้กล่าวขึ้นว่า

          " พี่หุ่นดีจังครับ "

          จบคำ กรก็เลื่อนมือมาลูบไล้ตามช่วงท้องอันเป็นลอนของนลอยู่ครู่หนึ่งพลางยิ้มหวาน นลยิ้มตอบกรไปเช่นเดียวกัน เขาเลื่อนมือลูบไล้ไปตามช่วงอกอันหนั่นแน่นของเด็กหนุ่มพลางเอ่ย

          " กรก็รูปร่างไม่เลวนะ "

          ชายหนุ่มต่างโปรยยิ้มให้แก่กัน ความปรารถนาที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของทั้งคู่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นเป็นประจักษ์อย่างช้าๆ

          นลค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าหากร พลางพรมจูบไปตามเรียวคางของชายหนุ่มอย่างนุ่มเนิบ ซึ่งกรก็หลับตาพริ้มด้วยความเคลิ้มไหว เรือนกายของเขานั้นร้อนรุ่มไปด้วยไฟเสน่หาที่รุมเร้า ปลายนิ้วอันสั่นเทาโลมลูบไปตามผิวกายของกันและกันอย่างรัญจวน และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลองของมันอย่างช้าๆ

          เมื่อห้วงเวลาแห่งความเกษมสุขนั้นพ้นผ่าน สองกายชายฉกรรจ์ต่างก็ซุกไซ้กอดก่ายกันอยู่บนโขดหินริมลำธารอย่างเนิ่นนานจนกระทั่งเสื้อผ้าที่พวกเขาตากเอาไว้บนกิ่งไม้นั้นแห้งสนิทจึงได้สวมใส่แล้วเดินกอดคอโอบไหล่กันออกจากพงไม้ที่หนาทึบแห่งนั้นมา โดยไม่รู้เลยว่ามีลูกเรือคนหนึ่งแอบซุ่มดูกิจกรรมสวาทของนลและกรอยู่โดยตลอด ลูกเรือผู้นั้นจ้องมองชายหนุ่มทั้งสองด้วยแววตาอันกรุ้มกริ่มและยิ้มอย่างมีเลศนัย

- - - - - - - - -

          เรือบรรทุกน้ำมันลำใหญ่เริ่มหันหัวเพื่อเดินทางกลับ ภายหลังจากที่บรรทุกน้ำมันจนเต็ม ตัวเรือที่เคยสูงใหญ่ลอยเด่น บัดนี้กลับลดระดับและเตี้ยลงจนใกล้ผิวน้ำทะเล มันแล่นฝ่ากระแสคลื่นไปอย่างรวดเชื่องช้าราวกับตัวหนอน เพราะน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นตัวถ่วง

          ท้องทะเลในเวลานั้นค่อนข้างสงบ เฉกเช่นเดียวกันกับสภาพบนเรือที่บรรดาลูกเรือทั้งหลายต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนไปในแต่ละวัน

          แต่ดูเหมือนว่าภายใต้ความสงบและราบเรียบเช่นนี้ กำลังมีบางสิ่งบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยเหมือนคลื่นใต้น้ำ มันเกิดขึ้นพร้อมๆกับความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างนลกับกร ที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนจากพี่น้องไปสู่คู่รัก

          แต่กระนั้น พวกเขาก็ยังคงระมัดระวังตัว และไม่แสดงออกมาให้ใครรู้ กิจวัตรและภาระกิจทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่ง...

          กรเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำ เขาเห็นลูกเรือหนุ่มคนหนึ่ง กำลังยืนอาบน้ำชำระกายอยู่ภายใต้สายน้ำจากฝักบัว โดยไม่สวมใส่อะไรเลย กรไม่รู้ว่าลูกเรือคนนี้เคยแอบดูเขาและนลมีอะไรกันที่บนเกาะ

          ทันใด ลูกเรือผู้นั้นก็จัดการกับตัวเองให้กรเห็นต่อหน้า กรมองหน้าลูกเรือคนนั้นพลางถามว่า

          " มึงทำอะไรวะ "

          ลูกเรือผู้นั้นยักไหล่พลางทำหน้าทะเล้นตีฝีปาก

          " ก็ชักว่าวไง ไม่เคยเห็นเรอะ "

          กรสีหน้าขุ่นข้อง เขาจ้องหน้าลูกเรือคนนั้นเขม็ง

          " ทำไมมึงต้องมาทำให้กูเห็น "

          " อ้าว... กูนึกว่ามึงอยากดูซะอีก "

          " ไอ้ ค... "

          กรด่าจบ ลูกเรือคนนั้นก็หัวเราะร่าแล้ววิ่งหนีไปเสียก่อนที่กรจะได้ชกหน้ามัน

- - - - - - - - -

          ภายในห้องเครื่องยนต์ ขณะที่นลกำลังตรวจเครื่องจักรที่กำลังเดินเครื่องอยู่นั้น ลูกเรือสองคนก็หันไปซุบซิบอะไรกันก่อนจะหันมามองนลพลางยิ้มหวาน หนึ่งในนั้นเขยิบกายเข้ามายืนเคียงข้างนลพลางยกมือขึ้นบีบต้นแขนเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามว่า

          " นายช่างครับ นายช่างมีเมียรึยัง ? "

          นลรู้สึกอึ้งในคำถามของลูกเรือผู้นั้น

          " ยังครับ "

          นลตอบไป ซึ่งลูกเรืออีกคนหนึ่งก็ยิ้มพลางเดินมาใกล้แล้วกระซิบว่า

          " แล้วไม่รู้สึกอยาก... บ้างเหรอครับ พวกผมงี้ ต้องจัดการตัวเองกันทุกวันเลย นี่ถ้าต้องอยู่บนเรืออย่างนี้ต่อไปอีกนานๆ สงสัยคงต้องเอากันเองสักวันหนึ่งแน่ๆเลย "

          ลูกเรือทั้งสองต่างหัวเราะกันร่วน พวกเขาจ้องมองหน้านลแล้วยิ้มกริ่มเหมือนกับรู้อะไรเป็นนัยๆอยู่

- - - - - - - - -

          ตกดึกของคืนวันหนึ่ง...

          ขณะที่นลกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องพักของเขา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขาลุกเดินไปเปิดประตูและพบว่ากรยืนอยู่ด้วยสีหน้าอันขุ่นข้อง

          " อ้าว... กร เข้ามาก่อนสิ "

          กรเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ ในขณะที่นลปิดประตูห้องแล้วเดินมาโอบไหล่ชายหนุ่มพลางถามว่า

          " สีหน้าไม่ค่อยดี ไปกัดกับใครมารึ ? "

          นลกระเซ้า กรมองหน้านลคราหนึ่งจึงกล่าว

          " พี่รู้สึกไหมครับว่า มีบางอย่างเปลี่ยนไป "

          " อะไรเหรอ ไม่เห็นมีนี่ พี่ก็ยังรักกรเหมือนเดิมนะ "

          " มีสิครับ... มันเหมือนกับมีคนรู้ว่าเรามีอะไรกัน ท่าทีของคนรอบๆข้างมันเปลี่ยนไป "

          " คิดมากไปมั้ง กร คงเป็นเพราะเราระวังตัวกันมากเกินไป เลยเกิดความกังวล "

          " อาจจะใช่... ผมคงคิดมากไปอย่างที่พี่ว่า "

          กรหันมายิ้ม นลยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหนุ่มอยู่ครู่จึงยิ้ม พลางกระเซ้าอีกครา

          " มาหาพี่แค่เรื่องนี้เองเหรอ...? "

          กรมองหน้านลคราหนึ่งจึงยิ้มกริ่ม เขาขยับตัวเข้าหานลพลางโอบร่างอันกำยำนั้นไว้อย่างแนบแน่น ห้วงแห่งอารมณ์เสน่หาอันเร่าร้อนค่อยๆทวีทะยานขึ้นเป็นลำดับอย่างช้าๆ ต่างตอบสนองความปรารถนาของกันและกันอย่างซ่านซ่า ด้วยลีลารักอันบรรเจิดที่บังเกิดขึ้นทีละน้อย

- - - - - - - - -

          การเดินทางอันยาวนานยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางไฟปรารถนาแห่งบุรุษเพศที่ซุกซ่อนและถูกเก็บงำอยู่ในจิตใจอันสั่นสะท้าน

          บรรดาลูกเรือทั้งหลายที่ต้องพรัดพรากจากลูกเมียมาทำงานอยู่บนเรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ ต่างจำต้องปลดปล่อยห้วงแห่งอารมณ์อันเงียบเหงา ว้าเหว่ เก็บกด และคับคั่งจากหน้าที่การงานอันหนักหน่วงเหล่านั้นออกไป เพื่อที่จะปฏิบัติภาระกิจที่ได้รับมองหมายต่อไปได้เต็มประสิทธิภาพ

          พายุฝนก่อตัวขึ้นในคืนวันอันเลวร้าย...

          สายฝนซัดสาดลำตัวเรืออย่างหนัก ราวกับจะชะล้างเอาทุกสิ่งให้สูญสลาย คลื่นลมอันรุนแรงโหมกระหน่ำจนเรือทั้งลำโคลงเคลงไปมา แต่กระนั้นมันก็ยังคงแข็งแกร่ง มหึมา และฝ่ากระแสคลื่นอันหฤโหดต่อไปได้อย่างท้าทาย

          ภายในห้องเครื่องยนต์...

          กรเดินมาตามทางแคบๆ อย่างช้าๆ เขาตรวจตราดูความเรียบร้อยตามหน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำ และแล้ว...

          ในทันใดกันนั้นเอง เหล่าลูกเรือกลุ่มหนึ่งก็เดินออกจากมุมห้องมาขวางหน้าเขาไว้พลางจ้องมองกรด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม พวกมันเดินเข้ามาใกล้และรุมล้อมกรเอาไว้ กรตวาดไปว่า

          " พวกมึงจะทำไมวะ ? "

          เสียงหัวเราะกระหึ่มขึ้นจนทั่ว ก่อนที่ไอ้หัวโจกมันจะกล่าวขึ้น

          " พวกกูรู้ว่ามึงกับนายช่างมีอะไรกัน ก็แค่อยากจะใช้มึงเป็นที่ปลดปล่อยบ้างเท่านั้นเอง "

          จบคำ พวกมันก็กรูกันจับร่างกรตรึงไว้ กรพยายามดิ้นรนและขัดขืน เขาร้องตะโกนโวยวายออกมา แต่ก็ถูกคนหนึ่งเอาผ้ามาปิดปากไว้แน่น

          ในไม่ช้า กรก็ถูกหามไปวางไว้บนเก้าอี้เหล็กยาวๆ ตัวหนึ่ง พวกมันรุมทึ้งถอดกางเกงของกรออก และกิจกรรมสวาทอันสุดหฤโหดก็เริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า

          ห้วงแห่งความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตได้หวนคืนกลับมาตอกย้ำความรู้สึกลึกๆของกรอีกครั้ง แต่กระนั้นกรก็มิได้ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใด เพราะในส่วนลึกของจิตใจเขานั้นก็อยากที่จะโดนเช่นนี้อยู่แล้ว

          ห้วงเวลาอันเลวร้ายผ่านพ้นไปพร้อมๆกับพายุฝนและคลื่นลมอันโหมกระหน่ำ

          กรตัดสินใจไม่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้ให้นลฟัง เขากลัวว่า ถ้านลรู้แล้วจะรังเกียจเขา ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับนลต้องมัวหมอง กรมองเห็นความจำเป็นบางอย่างที่ยังต้องปกปิดความจริงเอาไว้

          แต่ดูเหมือนว่าความลับจะไม่มีในโลก...

- - - - - - - - -

          นับจากคืนวันอันหฤโหดที่กรถูกเหล่าลูกเรือรุมเผด็จสวาทนั้น กรก็ได้รับการเอาใจใส่ดูแลจากบรรดาลูกเรือทั้งหลายมากจนเกินไป ดูราวกับว่ากรได้กลายเป็นดาวเด่น และเป็นขวัญใจของลูกเรือหนุ่มๆ บางคนก็คอยยกน้ำยกอาหารมาให้กรกิน บ้างก็มีเหล้า บุหรี่ หรือขนมขบเคี้ยวติดไม้ติดมือมาให้ในยามว่าง หรือเวลาพัก

          กรรู้สึกชุ่มชื่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด เขารู้สึกอบอุ่นที่มีผู้ชายแท้ๆมากมาย ผลัดกันมาคอยเอาใจ ราวกับว่าเขาเป็นหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เร่าร้อน ที่ผู้ชายยอมสยบแทบเท้า สิ่งเหล่านี้แหละที่เขาเผ้าปรารถนามานานแสนนาน ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กๆ มันคงก่อตัว และฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขาภายหลังจากที่กรถูกรุมข่มขืนอย่างทารุนเมื่อครั้งยังเรียนมัธยม

          ถึงแม้ว่ากรจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่าพึงพอใจกับการปรนนิบัติของลูกเรือเหล่านี้ แต่นล ผู้เฝ้าดูกรอยู่อย่างใกล้ชิดก็เริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าวนั้น

          ในวันหนึ่ง ขณะที่กรออกจากห้องพักแล้วเดินมาตามทาง เขาได้พบกับนล กรยิ้มทักทายแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาพยายามหลบสายตานล และเบี่ยงกายหนี แต่นลกับเข้าขวางกรไว้พลางเบียดกายชิด จนใบหน้าเกือบสนิทแนบกัน นลได้กล่าวขึ้นว่า

          " กร... เดี๋ยวนี้ดูเราจะห่างเหินจากพี่ไปนะ "

          " เปล่านี่ครับ... พี่คิดไปเองรึเปล่า "

          ครู่นั้นเอง ที่ลูกเรือคนหนึ่งเปิดประตูห้องข้างๆออกมาพอดี เขาเห็นนลและกรรีบผละกายออกจากกัน

          " อะ อ๊า... นายช่าง นึกไม่ถึงเลยว่านายช่างก็เป็นเหมือนกับพวกเรา อย่างนี้ก็มีตัวหารเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งแล้วสิครับเนี่ย "

          นลหันมามองกรพลางจ้องเด็กหนุ่มตาเขม็ง กรหลบสายตาแล้วรีบเดินจากไป ลูกเรือคนนั้นเดินตามพลางกล่าวว่า

          " อ้าว... เดี๋ยวสิกร รอเราด้วย "

          ลูกเรือหนุ่มตรงเข้าโอบไหล่กรอย่างสนิทแนบ ทั้งคู่เดินอิงแอบไปด้วยกันจนลับสายตา โดยไม่รู้เลยว่านลยังคงยืนนิ่งอึงอยู่ด้วยจิตใจอันครุ่นคิด

- - - - - - - - -


          กลางดึกของคืนวันหนึ่ง เสียงเคาะประตูห้องของนลก็ดังขึ้น และเมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็ถูกจู่โจมเข้ากอดรัดอย่างสนิทแนบโดยกร ผู้ซึ่งกำลังร่ำไห้ด้วยน้ำตานองหน้า

          นลเอื้อมมือไปปิดประตู ก่อนจะพากรมานั่งบนเตียง ซึ่งเขาก็นั่งลงเคียงคู่กัน นลลูบไล้มืออันอบอุ่นไปบนศีรษะของกรพลางกล่าว

          " มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังไหม ? "

          กรมองแววตาอันอ่อนโยนของนลพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ

          " ผมขอโทษครับพี่ ผมห่างเหินจากพี่ไปจริง ผมโกหกพี่ ผม... ผมมีอะไรกับพวกลูกเรือพวกนั้นครับ ผมเคยถูกพวกมันรุมข่มขืนโดยที่จิตใจผมร่ำร้องและปรารถนา ผมต้องการความรักจากผู้ชายทุกๆคนครับพี่ "

          นลเชยคางกรขึ้นมา เขามองแววตาอันอาบชุ่มไปด้วยน้ำก่อนจะกล่าวว่า

          " มันเป็นความใคร่ ไม่ใช่ความรักหรอกกร "

          จบคำ กรก็โผเข้ากอดนลไว้พลางร่ำไห้ออกมา นลรู้สึกว่าตนเองคงจะพูดอะไรรุนแรงเกินไป แต่มันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ตาสว่างขึ้นมาได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถดึงเขาขึ้นมาจากห้วงแห่งทะเลปรารถนานี้ได้ก็ตาม

          " พรุ่งนี้เรือก็จะถึงฝั่งแล้ว พี่ตั้งใจจะเลิกอาชีพนี้แล้วไปเปิดร้านขายของที่บ้านเกิดของพี่ที่เชียงราย ถ้ากรมีโอกาสได้ไปที่นั่นก็แวะไปเยี่ยมพี่บ้างนะ "

          กรไม่พูดอะไร เขายังคงโอบกอดนลไว้อย่างแนบแน่น...

- - - - - - - - -

          รุ่งเช้าของวันอันสดใส...

เรือบรรทุกน้ำมันลำใหญ่ค่อยๆเทียบท่าอย่างช้าๆ นลสะพายเป้คู่ใจแล้วเดินลงจากเรือไปยังรถสองแถวที่จอดรอรับคนอยู่ที่มุมหนึ่งของท่าเรือแห่งนั้น นลหยุดยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหันหน้ากลับขึ้นไปมองบนเรือ ที่ซึ่งกรกำลังยืนมองนลอยู่เช่นกัน

          สายตาของทั้งสองชายหนุ่มสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียวดุจสายใยอันพันผูก นลยกมือขึ้นโบกลากรพลางยิ้ม ซึ่งกรเองก็กระทำเช่นเดียวกัน เขาจ้องมองนลเดินขึ้นรถสองแถวคันนั้นไปด้วยจิตใจอันสั่นเทา

          รถสองแถวแล่นออกจากท่าเรือไปในไม่ช้า สายตาของนลทอดมองเรือบรรทุกน้ำมันลำใหญ่ที่ค่อยๆห่างไกลออกไปจนกลายเป็นจุดเล็กๆ

- - - - - - - - -

          ภายในตัวเมืองอันคับคั่งไปด้วยผู้คน...

          รถสองแถวจอดที่หน้าตลาดแห่งหนึ่ง นลลงจากรถแล้วจ่ายค่าโดยสาร เขาเดินเข้าไปในร้านอาหารและรับประทานอาหารเช้าจนเสร็จ ก่อนจะออกมาเดินเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวอยู่นานจึงเดินข้ามถนนไปยังสถานีขนส่ง

          นลเดินตรงไปยังช่องจำหน่ายตั๋วรถโดยสารที่จะเดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย ซึ่งคนขายตั๋วก็ถามขึ้นว่า

          " กี่ใบครับ ? "

          " ใบเดียวครับ "

          นลกล่าวจบ เสียงชายผู้หนึ่งก็กล่าวขึ้นจากด้านหลังของเขาว่า

          " สองใบเลยครับพี่ "

          นลหันขวับกลับไปมองยังต้นกำเนิดเสียงนั้น เขาเห็นกรสะพายกระเป๋ายืนยิ้มอยู่

          " ถ้าเงินไม่พอ เดี๋ยวผมออกให้ก่อนก็ได้ แล้วพี่ค่อยใช้คืนผมทีหลังก็แล้วกัน "

          " ไม่เป็นไรหรอก พี่ออกให้เอง เรายังมีหนี้ที่ต้องชดใช้กันอีกมาก "

          นลยิ้มกริ่ม ชายหนุ่มทั้งสองเดินกอดคอหัวเราะกันผ่านร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่งไป ซึ่งหน้าร้านนั้นแขวนภาพถ่ายมุมสูงของเกาะเล็กๆ ท่ามกลางท้องทะเลสีฟ้าอันกว้างไกลสุดสายตา มีเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งจอดอยู่ใกล้ๆเกาะแห่งนั้น ที่สำคัญ บนชายหาดของเกาะ มีชายหนุ่มสองคนกำลังเดินกอดคอกันอยู่ และที่ด้านล่างสุดของภาพนี้ มีตัวหนังสือเขียนเอาไว้ว่า...

          ... ปรารถนาแห่งใจ...

- - - - - - - - - จบ - - - - - - - - - 


เรื่องสั้นนี้ปรับปรุงใหม่เพื่อให้เหมาะสมในการเผยแพร่บนเว็บไซต์นี้ ซึ่งต้นฉบับของเดิม เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสาร ห้องห้าเหลี่ยม มินิ ฉบับที่ 107

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม